ประจำจังหวัด..พระนครศรีอยุธยา
ที่มีประวัติมายาวนาน คนไทยรู้จักดีและนิยมนำมาปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านคาวหวานได้หลากหลายเมนู เช่น ดอกโสนผัดน้ำมันหอยหรือลวกจิ้มกับน้ำพริกกะปิ แกงส้มดอกโสนใส่ปลาช่อน และขนมดอกโสน ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะนำมาปรุงอาหารให้รสชาติที่แสนอร่อยแล้ว คุณผู้อ่านทราบกันหรือไม่ว่า “โสน” ยังมีสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
โสนในเมืองไทยมีหลายพันธุ์ คือ โสนหิน โสนคางคก โสนหางไก่ใหญ่ โสนหางไก่เล็ก ลักษณะเป็นไม้ล้มลุกปีเดียว ลำต้นสูงประมาณ 2-3 เมตร ใบเล็กฝอยคล้ายกับใบมะขามหรือใบกระถิน ดอกสีเหลืองคล้ายดอกแค แต่เล็กกว่าและมีฝักยาว มีเมล็ดในฝักคล้ายกับถั่วเขียว
ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของโสนประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน วิตามินซี และสารพวกแคโรทีนอยด์ โดยส่วนของโสนที่มีประโยชน์ คือดอก ใบ และต้น ซึ่งดอกนั้นมีรสชาติจืดเย็นจึงมีสรรพคุณในการแก้พิษร้อน ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปรุงเป็นยาพอกแผลได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณใช้แก้ปวดมวนท้องด้วย ส่วนใบโสนมีสรรพคุณใช้ตำยาพอกแผลได้ และต้นโสนสามารถนำมาเผาไฟให้เกรียมแล้วเอามาต้มชงเอาน้ำดื่มใช้เป็นยาขับ ปัสสาวะได้ดีทีเดียว
ดอกไม้สีเหลืองกินได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเราแบบนี้ หากใครยังไม่เคยลองชิมต้องหาเก็บจากต้นมาปรุงอาหารสารพัดเมนูที่แนะนำไปรับ ประทานกันดูเสียแล้ว แต่ระวังต้องล้างให้สะอาดก่อนปรุงนะคะเพื่อพลานามัยที่ดีค่ะ