“ซองคำถาม” ค้นข้อมูลจากหลายเล่ม พบว่าแอปเปิลได้รับการกล่าวถึงในทางดี ดังคำกล่าวที่ว่า “An apple a day keeps the doctor away – กินแอปเปิลวันละผล ไม่ต้องไปหาหมอ” หรือ “To eat an apple going to bed, will make the doctor beg his bread – กินแอปเปิลก่อนนอนวันละผลหมอตกงานแน่”
สรจักร ศิริบริรักษ์ เภสัชกร – นักเขียนเรื่องสั้นแนวหักมุมเล่าเรื่องแอปเปิลไว้ใน “พลอยแกมเพชร” ฉบับ 31 พฤษภาคม 2539 ว่า ในสมัยโบราณ ชาวกรีกเคยบันทึกไว้ว่า มีแอปเปิลสายพันธุ์หนึ่งที่หวานปานน้ำผึ้งและใช้รักษาโรคได้
บทความทางการแพทย์ในวารสาร American Medicine ฉบับปี ค.ศ. 1927 เคยยกย่องว่า แอปเปิลเป็นยาที่ให้ผลทางการรักษาภาวะเลือกเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และโรคอื่นๆ อีกมากมาย
ที่เขาโฆษณาว่าแอปเปิลช่วยละโคเลสเทอรอลได้นั้น เป็นความจริง เพราะแอปเปิลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ (Soluble fibre) ไฟเบอร์ประเภทนี้เป็นพาหะที่ดึงดูดโคเลสเทอรอล แล้วขับถ่ายออกมาจากร่างกายได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นแอปเปิลยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีก คือ บำรุงหัวใจ ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารป้องกันมะเร็ง ทั้งยังช่วยลดความอยากอาหาร เพราะแอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตถึง 75 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที แอปเปิลจึงช่วยทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหาร หรืออิ่มได้เร็วกว่าอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาล
ดร. แกรี ชาวร์ท นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยลยังศึกษาพบอีกว่า กลิ่นแอปเปิลสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกสงบและความดันลดลงได้ระดับหนึ่งเดี๋ยวนี้แอปเปิลราคาถูกลงมาก และยังปลูกได้ในเมืองไทยด้วย ฉะนั้นถ้าจะกินแอปเปิลวันละผลคงไม่เป็นอันตรายแก่สุขภาพของกระเป๋าสตางค์แต่อย่างใด