ข่าวของผู้เชี่ยวชาญอาหารและมะเร็งจากประเทศญี่ปุ่นที่มาบรรยายสรรพคุณของเห็ด หลิงจือว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เป็นที่ฮือฮากันในหมู่ประชาชนชาวไทยและสื่อมวลชนก็ได้เสนอข่าวไป อาจทำให้ประชาชนทั่วๆไปเกิดความเชื่อว่าเห็ดหลิงจือสามารถรักษาโรคได้สารพัด และเป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วเป็นอมตะ
“…หลิงจือมีสรรพคุณรักษา โรคประสาทที่มีอาการอ่อนเพลียอย่างเรื้อรัง (บางทีเหนื่อย) อ่อนแรง อ่อนใจ อาการจิตซึม เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ฯลฯ ที่เรียกว่า Neurasthenia หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไตอักเสบ ข้ออักเสบ ตับอักเสบเรื้อรัง โรคหัวใจโคโรนารี่ (Coronary heart disease) ระบบย่อยอาหารไม่ดี และโรคเรื้อรังอื่นๆ
หลิงจือมีคุณค่าในการรักษาโรค แต่ไม่ใช่เป็นยาที่สามารถรักษาโรคได้สารพัด
หลิงจือไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาโรคได้ทุกอย่าง ยิ่งกว่านั้นยังไม่ใช่ยาอายุวัฒนะ...”
เห็ดหลิงจือที่จีนสามารถเพาะได้ในขณะนี้ มี 3 ชนิด มีชื่อวิทยาศาสตร์ดังนี้
1. Ganoderma Lucidum (leyssex Fr.) Karst.
2. Ganoderma Japonicum (Fr.) Lloyd.
3. Ganoderma Capense (Lloyd) Teng.
ใน 3 ชนิดนี้ที่ใช้เป็นยานั้น โดยทั่วไปใช้ 2 ชนิดแรก ส่วนชนิดที่ 3 ยังอยู่ในระหว่างศึกษาวิจัย
ผลทางเภสัชวิทยา 1. ฤทธิ์ยับยั้งระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหลับได้ยาวขึ้น
2. ฤทธิ์ต่อระบบไหลเวียนของเลือด ทำให้ความดันเลือดลดลง ขณะเดียวกันปริมาณของปัสสาวะเพิ่มขึ้นได้
3. ฤทธิ์ต่อระบบหายใจ ขับเสมหะ
รายงานทางคลินิก 1. รักษาโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยทั่วไปหลังกินยา 2 สัปดาห์ ทำให้อาการอึดอัดแน่นหน้าอกลดน้อยไป อาการหอบและไอก็ลดน้อยลงด้วย ผู้ป่วยกินอาหารได้มากขึ้น หลับสบาย
2. อาการหอบเรื้อรัง ผลจากการทดลองกับผู้ป่วยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
3. ทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น
4. ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจโคโรนารี จะทำให้อาการอึดอัดแน่นหน้าอก อาการปวดบริเวณหัวใจลดน้อยลง
จากข้อมูลที่สรุปย่อๆดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า เห็ดหลิงจือไม่ใช่เห็ดที่สามารถรักษาโรคได้สารพัดชนิด หรือเป็นยาอายุวัฒนะ หรืออื่นๆ ดังที่เล่าลือ
ดังนั้นในการใช้เห็ดหลิงจือจึงควรพิจารณา ถึงสรรพคุณให้ถ่อแท้ อย่าใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เพราะนอกจากจะเสียเงินทองโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเราเอง จึงควรระวังในการใช้
ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของหมอชาวบ้าน กับเว็บไซต์วิชาการดอทคอม
www.doctor.or.th