ค้นหา

ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กวาวเครือแดงสมุนไพรกวาวเครือแดงสำหรับอวัยวะเพศบุรุษ

กวาวเครือแดงสมุนไพรกวาวเครือแดงสำหรับอวัยวะเพศบุรุษ
ผมเคยสนใจสมุนไพรไทยโบราณที่เคยโด่งดังมาในอดีต มาวันนี้สมุนไพรตัวเดียวกันได้กลับมาโด่งดังอย่างมากในปัจจุบัน และโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ
สมุนไพรที่ว่านี้ เราเรียกเธอว่า กวาวเครือล่าสุดผมไปจังหวัดพิจิตร ทุกครั้งที่ไปพิจิตร ผมมักแวะเข้าไปดูความก้าวหน้าในการทดลองพันธุ์พืชนานาชนิด ตั้งแต่พืชผักจนถึงไม้ผลที่มีกระบวนการทดลองศึกษาอย่างเป็นระบบของข้าราชการสังกัดกรมวิชาการเกษตรที่นั่นครั้งหลังสุดที่แวะเวียนไปเยือนที่นั่น ผมได้พบว่า มีการศึกษาวิจัยในแขนงสมุนไพรอีกด้วยผมมันคนสนใจสมุนไพรอยู่ด้วย เลยต้องแวะที่แปลงทดลองสมุนไพรด้วยความตั้งใจผู้รับผิดชอบยังหนุ่มแน่น ชื่อ ดร.จรัญ ดิษฐไทยวงศ์

ดร.จรัญ เป็นนักวิชาการที่ดีและน่ารักมาก ในช่วงนี้กำลังทุ่มเทศึกษาสมุนไพรอยู่ 2 ตัว ตัวแรกคือ โกฐจุฬาลัมพา ส่วนตัวที่ 2 คือ กวาวเครือโกฐจุฬาลัมพาที่ ดร.จรัญ กำลังศึกษาเป็นพันธุ์ของประเทศจีน
ในประเทศไทยโกฐจุฬาลัมพานั้นเป็นเจ้าตำรับยาไทยพื้นบ้านมาแต่โบร่ำโบราณ ใช้รักษาไข้ป่ามาลาเรีย ที่ต้องนำสายพันธุ์มาจากประเทศจีน ดร.จรัญ บอกว่าไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นใด เพียงแต่นำมาปลูกทดลองเพื่อทดสอบความแตกต่างของโกฐจุฬาลัมพาสามพันธุ์ กับสายพันธุ์จีนว่าอย่างไหนเหมาะสมที่จะใช้เป็นยาสมุนไพรมากกว่ากัน

โกฐจุฬาลัมพา ที่ปลูกกันในประเทศไทยมีน้อยมาก ตอนนี้ต้องนำเข้าจากเวียดนาม แต่จีนเป็นผู้เข้าไปส่งเสริมให้เวียดนามปลูกอีกที และส่งเข้ามาขายให้ผู้ผลิตยาพื้นบ้านในเมืองไทยอีกทีหนึ่ง
เป็นเรื่องค่อนข้างจะเสียหน้าบ้านเมืองที่มีตำรายาพื้นบ้านอย่างไทยไม่น้อย
ดร.จรัญ ดิษฐไทยวงศ์ นักวิชาการเกษตรจึงสนใจจะศึกษาเรื่องนี้ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยหันมาปลูกเพื่อลดการนำเข้า เพราะโกฐจุฬาลัมพาปลูกและเก็บเกี่ยวได้ในระยะสั้นๆ เพียง 4 เดือน เท่านั้น
แต่ต้องรอไปอีก 2 ปี เท่านั้น การศึกษาและวิจัยของ ดร.จรัญ จึงจบและครบถ้วน เวลานี้กวาวเครือที่ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตรดำเนินการทดลองปลูกไปแล้วไม่น้อย สามารถรวบรวม
สายพันธุ์ไว้ได้ถึง 57 เบอร์ จาก 7 จังหวัด โดยนำมาปลูกทดลองที่พืชสวนพิจิตร ระยะเวลาที่นำมาปลูก 2 ปี กับ 4 เดือนแล้ว ได้เก็บ ดีเอ็นเอ ไว้ได้หมดแล้ว ขั้นต่อไปคือทดสอบดูว่ามีสายพันธุ์ใดจากจังหวัดไหนที่มีความเข้มข้นของสารที่เป็นโยชน์สูง ดร.จรัญ บอกว่าจากสายพันธุ์นำมาพัฒนาจนสายพันธุ์นิ่ง จึงจะเผยแพร่ให้ชาวบ้านนำไปปลูกเพื่อจำหน่ายไปสู่ผู้รับซื้อต่อไป
ทุกวันนี้มีบริษัทผลิตยาโบราณจากกวาวเครือมากกว่า 30 บริษัท ความต้องการจึงมีค่อนข้างสูง ไม่นับรวมร้านขายยาแผนโบราณที่มีอยู่ไม่ใช่น้อย
ดูในแง่นี้ กวาวเครือ จึงน่าจะมีอนาคตทีเดียว

กวาวเครือ ที่รู้จักกันมี 3 สายพันธุ์ คือกวาวเครือขาว กวาวเครือแดง และกวาวเครือดำ
กวาวเครือที่นำมาใช้เป็นตัวยาโบราณ ใช้กวาวเครือขาวมากกว่าชนิดอื่น และที่อยู่ในความสนใจอีกชนิดหนึ่งคือ กวาวเครือแดง ที่มีลักษณะเป็นต้นมากกว่าเป็นเครือเถาเหมือนกวาวเครือขาว
พืชตัวนี้เป็นพืชตระกูลถั่ว สามารถปลูกได้ง่าย แต่ทนต่อสภาพการปลูกในดินเกือบทุกชนิดและค่อนข้างทนต่อความแห้งแล้ง แต่ถ้ามีการจัดการดินโดยเติมธาตุอาหารลงในดินด้วย จะช่วยให้กวาวเครือเติบโตดีขึ้น และคุณภาพของหัวจะออกฤทธิ์ดีขึ้น

ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่นิยมปลูก แต่จะไปขุดออกจากป่า จนเวลานี้กวาวเครือขาวป่าใกล้จะหมดเต็มที และส่วนหนึ่งมีการนำออกนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวอื้อฉาวว่านักศึกษาชีวิต นำไปจดสิทธิบัตรการสกัดกวาวเครือ และมีเอกชนหลายที่ใช้กวาวเครือไปสกัดและผลิตเป็นเครื่องสำอางประเภทเด้งได้ทั้งหลาย จริงบ้างไม่จริงบ้าง สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับญี่ปุ่นนำไปจดสิทธิบัตรนั้น ความจริงมีอยู่ว่าเป็นเพียงการทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยรายหนึ่งเท่านั้น
ไม่ได้มีการจดสิทธิบัตรแต่อย่างใดจริงเท็จอย่างไร ไม่ยืนยัน

เมื่อครั้งโบราณ คนไทยใช้กวาวเครือเพื่อการทำหมันสัตว์เลี้ยง และสำหรับใช้เป็นยานั้น คนไทยสมัยก่อนนิยมฝานตากแห้งและเคี้ยวรับประทาน แต่เป็นเพียงปริมาณไม่มากนัก จึงไม่เป็นอันตราย แต่สมัยนี้การใช้เป็นองค์ประกอบของยาและเครื่องสำอาง เป็นการนำมาใช้โดยไม่ผ่านการวิจัยที่ถูกต้อง จึงมีอัตราเสี่ยงสูง อาจเกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้อย่างยิ่ง เพราะกวาวเครือไม่ได้มีประโยชน์อย่างเดียว ยังมีผลข้างเคียงต่อกระดูกและตับ

สารพิษที่พบในกวาวเครือจากการทดลองมีตัวหนึ่งที่นักวิจัยเชื่อว่ามีพิษมากกว่าสารเคมีตัวอื่นๆ คือ สารบูทานิน (Butanin)ขอโทษด้วย ที่ท่านผู้อ่านส่วนมากคงไม่เข้าใจ
ผมเองก็ไม่ได้รู้จักมักจี่เจ้าสารตัวนี้หรอก จำขี้ปากของนักวิชาการเอามาเล่าเท่านั้นเอง เพื่อยืนยันว่ากวาวเครือ ไม่ได้มีแต่ประโยชน์ แต่มีโทษพึงระวังอยู่เหมือนกัน

สาเหตุที่กวาวเครือถูกนำมาใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง เพราะกล่าวขวัญกันว่าช่วยให้กินได้ นอนหลับ ผิวหนังไม่เหี่ยวย่น เต่งตึง มีน้ำมีนวล ลบรอยตีนกา เสริมหน้าอก หู ตาแจ่มใส ความจำดีขึ้น
เพียงแค่นี้สาวแก่แม่ค้าทั้งหลายก็เนื้อเต้นแล้ว และกลายเป็นเหยื่อของผู้ผลิตสินค้าไปได้ง่ายๆ
โดยที่นักวิชาการยังศึกษากันอยู่เพราะผลภายหลังจากการไม่ใช้กวาวเครืออย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างจะกลายเป็นตรงข้ามจากดี กลายเป็นร้าย ว่างั้นเถอะ

ในแง่นี้ ผู้ผลิตหยูกยาและเครื่องสำอางทั้งหลายก็ได้เฮ เนื่องจากผู้ซื้อใช้ ต้องซื้อใช้ ขาดไม่ได้
กลับไปที่การทดลองปลูกในแปลงของศูนย์วิจัยพืชสวนอีกที เพราะมีเรื่องน่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะการเพาะและการปลูกที่มีการทดสอบน่าสนใจของที่นั่น
ดร.จรัญ เล่าให้ฟังว่า การเพาะและการปลูกพืชตัวนี้ เท่าที่ทดลองในแปลงปลูกน่าจะใช้ระบบน้ำหยดดีที่สุด เพราะพืชจะได้น้ำสม่ำเสมอ การออกหัวมีมากกว่าปกติ ระยะปลูกที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 4 เมตร และปลูกโดยการยกร่องและมีค้างให้ลำต้นกวาวเครือขาวสามารถเลื้อยได้ และการขุดหัวขึ้นมาส่งตลาด ไม่ควรขุดหมดในคราวเดียว อย่างที่ชาวบ้านขุดจากป่า แต่ถ้าทิ้งหัวไว้บ้างเพื่อให้กวาวเครือเติบโตต่อไป และสามารถขุดได้อีกในปีต่อๆ ไป

การขุดที่เหมาะสม ควรเป็นช่วงฤดูฝน
ทุกวันนี้ชาวบ้านขุดกวาวเครือจากป่าหลายๆ แห่งในประเทศ เพื่อส่งตลาดจนกวาวเครือขาวจวนจะสูญพันธุ์เต็มทีแล้ว หากยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป โดยไม่มีการปลูกทดแทน ต่อไปจะไม่มีกวาวเครือออกมาป้อนตลาดอีกต่อไปเมื่อใดที่ขาดแคลนกวาวเครือ
เมื่อนั้นสาวแก่แม่หม้ายจะสิ้นความหวังไปด้วยหากใครสนใจ โทรศัพท์ไปคุยขอคำแนะนำ จาก ดร.จรัญ ดิษฐ์ไทยวงศ์ นักวิชาการเกษตร ที่ศูนย์วิจัยพืชสวน จังหวัดพิจิตร อำเภอโพธิ์ประทับช้างผมไม่บอกหมายเลขโทรศัพท์ของอาจารย์นะครับเดี๋ยวอาจารย์ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บาปกรรมเปล่าๆ

รายการบล็อกของฉัน

chat love manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6