ค้นหา

ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สมุนไพรไทยสำคัญแค่ไหน ทำไมคนชนบทถึงกินกัน..

(ภาพประกอบ)

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กำลังเป็นที่ตื่นตระหนกหวาดหวั่นไปทั่วโลก คนในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯอาจมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้มากกว่าคนในชนบท โดยเฉพาะคนที่บ้านซอโอ อ.พบพระ อาจเป็นเพราะความแออัดที่น้อยกว่า ประเพณีวัฒนธรรมในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน
เกิดอาการตื่นตัวกันใหญ่ เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ อาตมาจำพรรษาอยู่ที่บ้านซอโอ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งในเวลานี้อยากจะบอกว่าคนบ้านนอก คนชนบทก็ตื่นตัวเหมือนกัน เมื่อวาน (16 กรกฎาคม) ไปเทศน์ยังโรงพยาบาลพบพระ จังหวัดตาก ได้เห็นชาวบ้านมาตรวจมาเช็กอาการกัน แสดงถึงความตื่นตัวไม่น้อย ถึงแม้จะไม่เท่าเมืองใหญ่ เพราะความเข้มงวดกวดขันยังมีไม่มาก
เจ้า หน้าที่สาธารณสุขเห็นมีใส่หน้ากากบ้าง ไม่ใส่บ้าง แสดงถึงความหวาดกลัวไม่สมดุลกัน มีไม่เท่ากันระหว่างคนกรุงเทพฯหรือคนในเมืองใหญ่ๆกับคนที่อยู่ในชนบท แต่คนในชนบทมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือการชุมนุมของผู้คนจำนวนมากๆยังมีไม่หนา แน่นเท่ากับคนในเมือง มีบ้างก็การมาทำบุญในวัดหรือไปชุมนุมตามที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านนัดแนะมาทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ แต่นั่นก็ไม่ได้มีมากมายถึงขนาดแออัดกันอยู่ จึงไม่ค่อยเห็นชาวบ้านเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงอะไรกับเรื่องนี้
คนใน ชนบทส่วนใหญ่มีความเชื่อในสมุนไพรค่อนข้างมาก

และมีการระบุว่าสมุนไพรที่ชื่อว่าฟ้าทะลายโจรมีสารยับยั้งไวรัส ซึ่งถ้าฟ้าทะลายโจรเกิดมีอภินิหาร มีศักดานุภาพเพียงพอที่จะหยุดยั้งการระบาดของไวรัสชนิดนี้ได้ก็จะเป็นเรื่อง ที่วิเศษ แต่สำหรับคนในกรุงเทพฯคงไม่ให้ความเชื่อถือสมุนไพรเท่าไร ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้เป็นยาที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ อาจทำให้คนกรุงเทพฯไม่ให้ความสำคัญมากมายนัก เพราะไม่ค่อยให้ความเชื่อถือ และอาจส่งผลต่อความกระตือรือร้นต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของพวกเรา ทั้งๆที่วันนี้สิ่งเหล่านี้ยังมีอยู่
ทุกวันนี้เรากำลังตื่นตัวไปกับสิ่ง ที่เป็นของฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นยาหรือเป็นอะไรถ้ามาจากเมืองนอกจะให้ความสนใจกัน โดยที่ไม่มอง ไม่ศึกษาหาความรู้ในแบบของเราจากของที่เรามี
คนที่อำเภอพบพระหลายคนหาฟ้า ทะลายโจรมากินกัน เชื่อว่าคนกรุงเทพฯคงกินไม่ไหว เพราะขมเหลือเกิน แต่คำพูดที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” เป็นคำพูดที่ถูกต้องและเป็นจริงมานานแล้ว คำว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา จะสร้างปฏิหาริย์ได้ไม่น้อยเหมือนกัน คือทำให้มีคนอีกไม่น้อยกลับมาเชื่อใจสมุนไพรตัวนี้ ทั้งๆที่บอกว่ามันขม
สำนวน ที่ว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” อาจใช้ได้กับเหตุการณ์และสถานการณ์ในเวลานี้ตรงที่คนชนบทกิน 

สมุนไพรฟ้าทะลาย โจรแล้วมีความเชื่อมั่นว่าร่างกายจะต้านไวรัสนี้ได้ และความเชื่อมั่นนี้จะกลายเป็นเป็นภูมิต้านทานต่อสู้กับไข้หวัดชนิดนี้ก็ เป็นได้
ทราบข่าวว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศเอาจริงเอาจังกับการใช้ ฟ้าทะลายโจรในการช่วยรักษา แต่ใครจะเชื่อถือมากน้อยอย่างไรค่อยมาว่ากันอีกที เพราะเรื่องนี้บังคับกันไม่ได้ ต้องแล้วแต่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ตรงที่ว่า “ปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย” เพราะถ้าเชื่อมากแล้วไม่ปลอดภัยก็แย่ ถ้าไม่เชื่อเสียเลยก็ไม่ปลอดภัยจะทำให้เสียโอกาส เพราะเรามีทรัพยากรธรรมชาติอยู่ในมือต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ต้องรอซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ

แน่นอนความปลอดภัยจากไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กลุ่มคนที่บ้าดูคอนเสิร์ต บ้าดูการแสดง อาจมีความเสี่ยงมากหน่อย แต่ถ้าเป็นบ้านนอกจะปลอดภัย เพราะไม่มีสิ่งเหล่านั้น หนังกลางแปลงที่เป็นแหล่งบันเทิงยอดฮิตของคนบ้านซอโอ อำเภอพบพระ ก็หยุด เพราะเป็นช่วงเข้าพรรษาจะไม่มีการสร้างความบันเทิงในระยะนี้ ความเสี่ยงในการติดเชื้อเลยน้อยไปด้วย แม้กระทั่งการแต่งงานก็จะงด ผัวเมียบางคู่แยกห้องกันนอน เรียกว่าถือพรรษากันทั้งผัวทั้งเมีย ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่ต้องมาหายใจรดกัน น่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของคนที่เขาเชื่อว่าเข้าพรรษาต้องงดอะไร ไม่ห่วงว่าใครจะว่างมงาย
ขณะที่คนในกรุงเทพฯที่มีการดูแลป้องกันเข้มงวด ทั้งปิดโรงเรียน รณรงค์ให้ใช้หน้ากากอนามัย ฯลฯ แต่ยังต้องจำนนกับโรคภัย ส่วนบ้านนอกความเจริญมีน้อย ยังเข้าไม่ถึง เลยทำให้โรคภัยไข้เจ็บประเภทนี้ติดต่อกันยากหน่อย แต่ถ้าใครอยู่ในที่ที่เจริญแล้วมาอยู่ที่ที่ไม่เจริญกลับไม่ฉลาดอาจทำให้ พลาดได้เหมือนกัน

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ปีที่ 10 ฉบับที่ 2587 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 17 กรกฏาคม 2009

รายการบล็อกของฉัน

chat love manman

chat love manman1

chat love manman 2

chat love manman 3

chat love manman 4

chat love manman 5

chat love manman6